1339 02 Aug 2018
แอมเนสตี้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงทางการไทยในวาระครบรอบ 1 เดือนการหันกลับมาใช้การประหารชีวิต
แอมเนสตี้ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงทางการไทย แสดงข้อกังวลด้านสิทธิมนุษยชนหลังประเทศไทยรื้อฟื้นและหันกลับมาใช้การประหารชีวิตอีกครั้งหลังจากไม่มีการใช้มานานเกือบ 9 ปี
สำนักเลขาธิการใหญ่ แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ณ กรุงลอนดอน สหราชอาณาจักร ส่งจดหมายเปิดผนึกถึงพลอากาศเอก ประจิน จั่นตอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ทั้งนี้เพื่อกระตุ้นให้ทางการไทยจัดทำข้อตกลงชั่วคราวเพื่อพักใช้การประหารชีวิตอย่างเร่งด่วน และมีมาตราการเพิ่มเติมเพื่อขจัดโทษประหารชีวิตออกจากกฎหมายไทยสำหรับความผิดทุกประเภท
แคทเธอรีน เกอร์สัน เจ้าหน้าที่ฝ่ายรณรงค์ประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ของแอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเผยเนื่องในโอกาสครบรอบหนึ่งเดือนหลังจากมีการประหารชีวิตเป็นครั้งแรกในรอบเกือบเก้าปีว่า ทางการไทยต้องตระหนักว่าโทษประหารชีวิตไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบยุติธรรมทางอาญา และต้องยุติแผนการที่จะใช้การประหารชีวิตอีก
ในจดหมายเปิดผนึกถึงรัฐมนตรียุติธรรมของไทย แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลเรียกร้องให้รัฐบาลยกเลิกโทษประหารชีวิต หลังมีการประหารชายอายุ 26 ปีด้วยการฉีดยาในข้อหาฆ่าผู้อื่นโดยทารุณ เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 นับเป็นการประหารชีวิตครั้งแรกตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2552
แคทเธอรีนกล่าวเสริมว่า ไม่ว่าจะเป็นความผิดแบบใด ไม่ว่าจะเป็นนักโทษคนไหน หรือไม่ว่าจะใช้วิธีประหารชีวิตแบบใด ไม่มีเหตุผลใดที่สร้างความชอบธรรมในการใช้โทษประหารชีวิต เพราะถือว่าเป็นการลงโทษที่เลวร้าย และไม่ควรเป็นส่วนหนึ่งของระบบยุติธรรมทางอาญา
“รัฐบาลไทยต้องยืนยันพันธกิจของตนที่มีต่อสิทธิมนุษยชน โดยการทำข้อตกลงชั่วคราวเพื่อพักใช้การประหารชีวิตโดยทันที ซึ่งถือเป็นก้าวย่างแรกที่นำไปสู่การยกเลิกโทษประหารชีวิตในที่สุด เพราะในความเป็นจริงแล้ว โทษประหารชีวิตไม่ได้ส่งผลให้มีการยับยั้งการกระทำความผิด และไม่ได้เป็นการแก้ปัญหาอย่างถาวรสำหรับญาติของผู้ที่ตกเป็นเหยื่ออาชญากรรม โทษประหารชีวิตไม่ได้เป็นทางออกใดๆ เลย”
ข้อมูลพื้นฐาน
เมื่อวันที่ 18 มิถุนายน 2561 ทางการไทยได้ประหารชีวิตชายวัย 26 ปีที่ถูกศาลตัดสินว่ามีความผิดฐานฆ่าผู้อื่นโดยทารุณ นับเป็นการประหารชีวิตครั้งแรกตั้งแต่เดือนสิงหาคม 2552 ภายหลังงดเว้นการประหารชีวิตมาตั้งแต่ปี 2546 จากตัวเลขของกระทรวงยุติธรรมเมื่อเดือนมีนาคม 2561 ระบุว่า ไทยมีนักโทษประหารอยู่จำนวน 510 คน เป็นผู้หญิง 94 คน ในจำนวนนี้ 193 คนเป็นนักโทษเด็ดขาดที่ผ่านกระบวนการอุทธรณ์คดีหมดสิ้นแล้ว เชื่อว่ากว่าครึ่งหนึ่งของนักโทษเหล่านี้ต้องโทษประหารในคดียาเสพติด
แม้ว่าการใช้โทษประหารชีวิตเชิงบังคับถือเป็นข้อห้ามตามกฎหมายระหว่างประเทศ แต่โทษประหารชีวิตยังเป็นโทษเชิงบังคับสำหรับความผิดหลายประการในประเทศไทย รวมทั้งคดีฆ่าผู้อื่นอย่างทารุณ โดยความผิดหลายประการที่มีการใช้โทษประหารชีวิต มีลักษณะไม่สอดคล้องกับหลักเกณฑ์ของการเป็น “อาชญากรรมร้ายแรงที่สุด” ซึ่งกฎหมายระหว่างประเทศอนุญาตให้ใช้โทษแบบนี้ได้อย่างจำกัด สำหรับประเทศต่างๆ ที่ยังไม่ยกเลิกโทษประหารเสียทีเดียว
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนลคัดค้านโทษประหารชีวิตทุกกรณีโดยไม่มีข้อยกเว้น ไม่ว่าจะเป็นความผิดทางอาญาประเภทใด ไม่ว่าผู้กระทำผิดจะมีบุคลิกลักษณะใด หรือไม่ว่าทางการจะใช้วิธีประหารชีวิตแบบใด โทษประหารชีวิตละเมิดสิทธิที่จะมีชีวิตตามที่ประกาศไว้ในปฏิญญาสากลว่าด้วยสิทธิมนุษยชน และถือเป็นการลงโทษที่โหดร้าย ไร้มนุษยธรรม และย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ รวมทั้งมีงานวิจัยมากมายจากนานาประเทศได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าโทษประหารชีวิตไม่มีความเชื่อมโยงใด ๆ กับการเพิ่มขึ้นหรือลดลงของอาชญากรรมที่เกิดขึ้น
จนถึงปัจจุบัน 106 ประเทศได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตสำหรับความผิดอาญาทุกประเภท และ 142 ประเทศได้ยกเลิกโทษประหารชีวิตทั้งในทางกฎหมายหรือในทางปฏิบัติแล้ว
เอกสารแนบ
-จดหมายเปิดผนึกถึงทางการไทย (ฉบับภาษไทย)
-Open Letter
**********
เนาวรัตน์ เสือสอาด
ผู้ประสานงานฝ่ายสื่อสารองค์กร
Naowarat Suesa-ard
Media and Communication Coordinator
แอมเนสตี้ อินเตอร์เนชั่นแนล ประเทศไทย
139/21 ซอยลาดพร้าว 5 แขวงจอมพล เขตจตุจักร กรุงเทพฯ 10900
มือถือ 089-922-9585
24 Jan 2024
24 Jan 2024
30 Nov 2023
11 Feb 2024
11 Feb 2024
24 Jan 2024
30 Nov 2023
ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม