อำนาจของโซเชี่ยลเน็ตเวิร์คคืออำนาจของประชาชน

2325 19 Feb 2018

ต้องยอมรับว่าพลังของอินเตอร์เน็ตในมือประชาชนนี้ มีอำนาจมากยากแก่การควบคุมจริงๆ หากคิดในแง่ประชาธิปไตยในโลกโซเชี่ยลเน็ตเวิร์ค  หรือเครือข่ายสังคมออนไน์ คือสถานที่ที่ครบองค์ประกอบที่สุด ทุกคนสามารถเข้าถึง แสดงออก และกระทำการตอบโต้ ได้อย่างมีเสรีภาพที่สุด หากรัฐ หรือผู้บริหารรัฐเข้าใจจิตวิญญาณประชาธิปไตยจริงๆ ก็ปกครองได้ไม่ยาก แต่ถ้าหากยังคับแคบยังคิดแต่เรื่องควบคุมและกำจัด ก็ยิ่งแต่นำมาซึ่งความขัดแย้งและหาทางไม่ได้

การปกครองในระบอบประชาธิปไตยกระแสเสียง หรือ มติสาธารณะเป็นเครื่องมือในการตัดสินใจของรัฐบาล การที่รัฐบาล หรือเจ้าหน้าที่รัฐยังหงุดหงิดกับการไม่อยู่ในอำนาจและอดทนรับฟังกระแสประชาชนไม่ได้ ก็ยากที่จะพัฒนาระบอบประชาธิปไตยให้เกิดผลสำเร็จได้ สิ่งที่ประชาชนพยายามพูด พยายามแสดงออกนั้น ก็เพราะต้องการสื่อสารถึงผู้อำนาจ สะท้อนให้เห็นความต้องการที่แท้จริง และต้องการมีส่วนร่วมตัดสินใจ กลับกัน ถ้าหากรัฐยังมองข้าม ไม่นำพาใส่ใจ แน่นอนความวุ่นวาย การดื้อดึงและการวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงเคลื่อนไหวต่อสู้จะยิ่งมากขึ้น ง่ายขึ้น และลุกงามรวดเร็วขึ้น ยิ่งปิดกั้นควบคุมก็ยิ่งดิ้นรนหาทาง

ก่อนหน้านี้ สังคมจะมีสื่อมวลชนเป็นกระบอกเสียง เป็นกลไกพูดแทน จนวันหนึ่งสื่อมวลชนซึ่งสถาปนาตัวเองเป็นคนพูดแทนและคิดแทนประชาชน สถานะของการเป็นสื่อกลาง เป็นกระบอกเสียงก็เสื่อมลง พร้อมๆกับพัฒนาของเทคโนโลยีไม่ได้แพง ไม่ยุ่งยากทำให้ประชาชนเข้าถึงง่าย ทุกเพศ ทุกวัย ทุกระดับชั้น ก็ทำให้สังคมสื่อสารด้วยตัวเองได้ นับว่าเป็นการสิ้นสุดยุคทองของสื่อมวลชนที่ครองอำนาจมายาวนานอีกด้วย

เครือข่ายสังคมออนไลน์ หรือ Social network และ  social movement กลายเป็นพื้นที่ให้ผู้คนมาพบปะ มาเคลื่อนไหว มาปะทะสังสรรค์ สร้างญัติ สร้างพลัง สร้างแนวร่วมแนวคิด สร้างกลุ่มพลัง ร่วมกันกลายเป็นพลังทางสังคมรูปแบบใหม่ซึ่งรัฐ แทบทุกรัฐบนโลกนี้กำลังผจญกับความปั่นป่วนเพราะประชาชนจะไม่อดทนอยู่แค่เพียงในกรอบ ขอบเขตรัฐ ที่จำกัดในเชิงพื้นที่ทางกายภาพเท่านั้น คนใต้ คนเหนือ คนอีสานสามารถสื่อสารแลกเปลี่ยนกันได้ หรือแม้แต่คนไทย คนอเมริกา คนที่ไหนๆ ก็สามารถรวมตัว ร่วมจุดยืน เรียกร้องรณรงค์ได้ ดังนั้น ความคับแคบของผู้ปกครองคือภัย ที่จะนำมาซึ่งความหายนะในตัวเอง ทั้งสิ้น
แต่ก็แปลกที่รัฐไทยซึ่งก็หลายรัฐบาลมาแล้ว โดยเฉพัจจุบันนี้ ที่นำโดย คสช. ได้ พยายามควบคุม จำกัด ปิดกั้นเสรีภาพ ในเรื่องนี้ทวนกระแสความเปลี่ยนแปลงอันสำคัญที่ทั้งโลกกำลังเผชิญอยู่ อย่างไม่ใยดี แน่นอนว่า ความพยายามทั้งผลักดันกฎหมายให้รัฐมีอำนาจควบคุมมากขึ้น ทั้งสอดส่อง แทรก เจาะ ล้วง ติดตาม ก็ยิ่งลุกลาม กลายเป็นปัญหาควบคุมยาก ยิ่งจับยิ่งมากขึ้น ยิ่งข่มขู่ยิ่งมีคนต่อต้าน นั่นก็เพราะประชาชนได้เรียนรู้ด้วยตนเอง ว่า สิทธิ เสรีภาพ และการตรวจสอบการใช้อำนาจที่ไม่เป็นธรรมนั้นเป็นเรื่องใกล้ตัว เป็นเรื่องที่ต้องไม่อดทนอีกต่อไป

ผมเรียกปรากฏการณ์นี้ ว่า ประชาธิปไตยใหม่ ( New Democracy Movement ) ซึ่งมันเริ่มต้นจากตรงนี้

วันนี้ แม้ว่า คสช. จะมีอำนาจล้นฟ้าทั้งอำนาจปืนและอำนาจกฎหมาย ถึงขนาดเรียกตนเองคือ รัฐาธิปัตย์ ทระนงยืนหยัดปกป้องคณะของตนที่แปดเปื้อนข้อครหาเรื่องนาฬิกา เรื่องคอร์รัปชั่นที่หมักหม่ม ปกป้องคนที่ท้าทายกฎหมายอย่างนายเปรมชัย กรรณสูต และกรณีอื่นๆ จนเกิดพลังโซเชี่ยลขนาดมหึมา เคลื่อนไหวกดดัน แฉ แชร์ และเสียงก่นด่า ท้าทายอำนาจรัฐบาล อย่างที่สุดในเวลานี้ ไม่นับรวมเครือข่ายประชาชน NGOs ที่เคลื่อนไหวเรียกร้องต่อสู้ให้ยุติโครงการ และนโยบายที่สร้างผลกระทบต่อชุมชน ด้วยพลังการสื่อสารจากมือถือและอินเตอร์เน็ตในมือ มาดูกันว่า จะล้มยักษ์เกเรอย่าง คสช.  ได้หรือไม่ ?

 

 

อัฎธิชัย  ศิริเทศ ทีมงานไทยเอ็นจีโอ

Contact Information

  • : มูลนิธิกองทุนไทย Thai Fund Foundation 2044/23 ถ.เพชรบุรีตัดใหม่ บางกะปิ ห้วยขวาง กรุงเทพ 10310
  • : webmaster@thaingo.org
  • : 082 178 3849
  • : www.thaingo.in.th

Thai NGO

ข่าวสารสังคมนอกสื่อกระแสหลัก ข่าวสารความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับเอ็นจีโอ ข่าวกิจกรรมเพื่อสังคม งานสัมนา สมัครงานเอ็นจีโอ ร้องเรียน แจ้งข่าว…ประนามประจาน !! ที่ได้รับความทุกข์ร้อนไม่เป็นธรรม